วิธีบรรเทาอาการเมื่อเกิดแสบร้อนกลางอก
อาการแสบร้อนกลางอกนั้นเป็นอาการที่หลายๆคนได้ประสบแน่ๆครับ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยจากสภาวะกรดไหลย้อนนั่นเอง (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD) บางคนเป็นรุนแรงจนพาลนอนไม่หลับหรือรับประทานยาลดกรดเป็นว่าเล่น .....การดูแลตนเองด้วยการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพียงเล็กน้อยก็สามารถบรรเทาอาการให้ลดลงได้หากรู้วิธีและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ควรเข้านอนทันทีหลังรับประทานอาหาร
อิ่มนักก็นั่งพักก่อน ออกไปเดินย่อย แต่ไม่ควรล้มตัวนอนหรือกระโดดขึ้นเตียงหลังกินอิ่มใหม่ ๆ แต่ควรทิ้งเวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงให้ร่างกายได้ย่อยอาหารให้หมดเรียบร้อยเพื่อลดปริมาณกรดที่ผลิตออกมามากในระหว่างการย่อยและทำให้อาหารไม่ตกค้างในกระเพาะอาหาร ไม่ใช่แค่การเข้านอนเพียงอย่างเดียวที่ส่งผลให้อาการแย่ลง แต่รวมไปถึงการเอนตัวลงนอน การยกของหนัก หรือการก้มตัวก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะทำหลังรับประทานอาหาร เพราะมีโอกาสที่เกิดกรดไหลย้อนและเพิ่มแรงดันภายในกระเพาะอาหารได้เช่นกัน
ทิ้งช่วงการออกกำลังกายหลังรับประทานอาหาร
การออกกำลังกายหลังรับประทานอาหารทันทีอาจทำให้อาการแสบร้อนกลางทรวงอกแย่ลงกว่าเดิม หากต้องการบริหารร่างกายควรทิ้งช่วงอย่างน้อย 1 ชั่วโมง และเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีการกระโดดมากจนเกินไป เช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง กระโดดเชือก เต้นแอโรบิก เพราะจะยิ่งเกิดแรงกระแทกไปกระตุ้นให้กรดและอาหารภายในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหารได้ง่าย แต่ให้เปลี่ยนมาเป็นการออกกำลังกายที่เน้นกล้ามเนื้อช่องท้องแทน เช่น ยกน้ำหนัก ซิทอัพ หรือท่าบริหารที่มีเกร็งกล้ามหน้าท้อง
สวมเสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นบริเวณช่วงท้อง
การสวมใส่เสื้อผ้าหรือชุดที่รัดบริเวณกลางลำตัวและสะโพก เช่น การใส่ยีนส์ เดรสเข้ารูป ชุดชั้นในหรือเข็มขัดที่รัดแน่นเกินไป อาจเพิ่มแรงดันในช่องท้องให้มากขึ้นจนดันให้กรดไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารได้ การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายตัวและพอดีกับรูปร่างอาจช่วยบรรเทาอาการไม่ให้กำเริบ
นอนหมอนสูง
ท่านอนในลักษณะที่ยกศีรษะให้มีระดับที่สูงขึ้นอาจช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนกลางทรวงอกไม่ให้แย่ลง เพราะขณะที่เรานอนราบลงกับพื้นหรือเตียงจะทำให้คอและท้องอยู่ในระดับเดียวกัน จึงมีโอกาสที่กรดจะไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหารได้ง่าย การเปลี่ยนท่านอนแบบปกติมาหนุนหมอนให้สูงขึ้นประมาณ 4-6 นิ้ว หรือเปลี่ยนมาใช้หมอนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษโดยมีลักษณะด้านที่รองรับศีรษะสูงกว่าอีกด้านเป็นอีกทางออกที่ดี
หยุดสูบก็ไม่เสี่ยง
การสูบบุหรี่จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างหย่อนจนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารจนเร่งให้อาการแสบร้อนกลางทรวงอกที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังสร้างความระคายเคืองให้กับระบบการย่อยอาหาร น้ำดีไหลย้อนกลับเข้ามาในกระเพาะอาหาร ลดการหลั่งน้ำลาย และอีกหลายเหตุผลที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย การเลิกสูบบุหรี่อย่างเร็วที่สุดจะส่งผลดีกับร่างกายของคุณเอง
เคี้ยวหมากฝรั่งก็ช่วยได้
คำแนะนำนี้อาจฟังดูแปลกสำหรับบางคน แต่การเคี้ยวหมากฝรั่งจะไปกระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำลายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยหล่อลื่นหลอดอาหารและล้างกรดให้ลงไปในกระเพาะอาหารตามเดิม จึงอาจช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น
ท่านอนในลักษณะที่ยกศีรษะให้มีระดับที่สูงขึ้นอาจช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนกลางทรวงอกไม่ให้แย่ลง เพราะขณะที่เรานอนราบลงกับพื้นหรือเตียงจะทำให้คอและท้องอยู่ในระดับเดียวกัน จึงมีโอกาสที่กรดจะไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหารได้ง่าย การเปลี่ยนท่านอนแบบปกติมาหนุนหมอนให้สูงขึ้นประมาณ 4-6 นิ้ว หรือเปลี่ยนมาใช้หมอนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษโดยมีลักษณะด้านที่รองรับศีรษะสูงกว่าอีกด้านเป็นอีกทางออกที่ดี
หยุดสูบก็ไม่เสี่ยง
การสูบบุหรี่จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างหย่อนจนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารจนเร่งให้อาการแสบร้อนกลางทรวงอกที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังสร้างความระคายเคืองให้กับระบบการย่อยอาหาร น้ำดีไหลย้อนกลับเข้ามาในกระเพาะอาหาร ลดการหลั่งน้ำลาย และอีกหลายเหตุผลที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย การเลิกสูบบุหรี่อย่างเร็วที่สุดจะส่งผลดีกับร่างกายของคุณเอง
เคี้ยวหมากฝรั่งก็ช่วยได้
คำแนะนำนี้อาจฟังดูแปลกสำหรับบางคน แต่การเคี้ยวหมากฝรั่งจะไปกระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำลายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยหล่อลื่นหลอดอาหารและล้างกรดให้ลงไปในกระเพาะอาหารตามเดิม จึงอาจช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น
เปลี่ยนยาเพื่อลดอาการ
การใช้ยาบางชนิดในการรักษาโรคอื่น เช่น ยารักษาโรคหืด โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคข้ออักเสบ โรคกระดูกพรุน ยาฮอร์โมนทดแทน ตัวยาเหล่านี้อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแสบร้อนกลางทรวงอกได้เช่นกัน บางตัวเป็นยาที่หาซื้อได้ทั่วไปหรือเป็นยาที่แพทย์สั่งจ่ายโดยตรง หากใช้ยาบางชนิดแล้วมีอาการ ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ในการปรับเปลี่ยนยา เพื่อช่วยลดผลข้างเคียง
มื้อใหญ่ควรเลี่ยง เปลี่ยนเป็นมื้อย่อย
คนรักบุฟเฟต์คงต้องลดจำนวนครั้งลงนิด เพราะการรับประทานอาหารปริมาณมากภายในมื้อเดียวจะทำให้กล้ามเนื้อหูรูดบริเวณส่วนปลายของหลอดอาหาร (Lower Esophageal Sphincter: LES) ที่กั้นระหว่างกระเพาะอาหารและหลอดอาหารเกิดหย่อนจนปิดไม่สนิทหรือไม่สามารถปิดได้ ทำให้กรดและอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไป ด้วยเหตุนี้จึงเกิดอาการแสบร้อนกลางทรวงอกตามมา ดังนั้น ลองแบ่งมื้อหลัก 3 มื้อออกเป็น 5-6 มื้อย่อยแทน และเลี่ยงการรับประทานอาหารในเวลาใกล้เคียงกับเวลาเข้านอนอาจช่วยให้อาการดีขึ้น
งดอาหารหรือเครื่องดื่มบางประเภท
ประเภทอาหารก็มีส่วนในการกระตุ้นให้เกิดอาการแสบร้อนกลางทรวงอกได้เช่นกัน แต่จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน ซึ่งประเภทอาหารที่ควรระวังจะเป็นพวกอาหารรสจัด ไขมันสูง เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์จากนม ผลไม้รสเปรี้ยวบางชนิด หัวหอมสด มะเขือเทศ กระเทียม สะระแหน่ หรือช็อคโกแลต แต่หันมาเน้นอาหารกากใยสูงที่มีส่วนช่วยให้ระบบการย่อยทำงานได้ดีขึ้น เปลี่ยนชา กาแฟ น้ำอัดลมมาเป็นน้ำเปล่าแทน นอกจากนี้ ควรหมั่นสังเกตอาการแสบร้อนกลางทรวงอกของตนเองว่ามักเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารประเภทไหนบ่อย ๆ เพื่อเลี่ยงอาหารเหล่านั้นในครั้งต่อไป
ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
หากคุณเป็นอีกคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักจนเข้าขั้นอ้วน อาจทำให้อาการแสบร้อนกลางทรวงอกรุนแรงมากขึ้นเพราะจะยิ่งมีแรงดันภายในกระเพาะอาหารมากขึ้นจนดันให้กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหารได้ง่ายกว่าปกติ รวมไปถึงทำให้สารเคมีหรือฮอร์โมนไวต่อการถูกกระตุ้นจากกรด การลดน้ำหนักลงอาจช่วยบรรเทาอาการให้ดีมากขึ้น ลองหาเวลาการออกกำลังที่เหมาะสม และควบคุมอาหาร เพื่อเป็นทางออกที่ยั่งยืน แม้จะลดลงได้นิดหน่อยก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
CR-พบแพทย์ดอทคอม
เปลี่ยนยาเพื่อลดอาการ
การใช้ยาบางชนิดในการรักษาโรคอื่น เช่น ยารักษาโรคหืด โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคข้ออักเสบ โรคกระดูกพรุน ยาฮอร์โมนทดแทน ตัวยาเหล่านี้อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแสบร้อนกลางทรวงอกได้เช่นกัน บางตัวเป็นยาที่หาซื้อได้ทั่วไปหรือเป็นยาที่แพทย์สั่งจ่ายโดยตรง หากใช้ยาบางชนิดแล้วมีอาการ ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ในการปรับเปลี่ยนยา เพื่อช่วยลดผลข้างเคียง
มื้อใหญ่ควรเลี่ยง เปลี่ยนเป็นมื้อย่อย
คนรักบุฟเฟต์คงต้องลดจำนวนครั้งลงนิด เพราะการรับประทานอาหารปริมาณมากภายในมื้อเดียวจะทำให้กล้ามเนื้อหูรูดบริเวณส่วนปลายของหลอดอาหาร (Lower Esophageal Sphincter: LES) ที่กั้นระหว่างกระเพาะอาหารและหลอดอาหารเกิดหย่อนจนปิดไม่สนิทหรือไม่สามารถปิดได้ ทำให้กรดและอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไป ด้วยเหตุนี้จึงเกิดอาการแสบร้อนกลางทรวงอกตามมา ดังนั้น ลองแบ่งมื้อหลัก 3 มื้อออกเป็น 5-6 มื้อย่อยแทน และเลี่ยงการรับประทานอาหารในเวลาใกล้เคียงกับเวลาเข้านอนอาจช่วยให้อาการดีขึ้น
งดอาหารหรือเครื่องดื่มบางประเภท
ประเภทอาหารก็มีส่วนในการกระตุ้นให้เกิดอาการแสบร้อนกลางทรวงอกได้เช่นกัน แต่จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน ซึ่งประเภทอาหารที่ควรระวังจะเป็นพวกอาหารรสจัด ไขมันสูง เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์จากนม ผลไม้รสเปรี้ยวบางชนิด หัวหอมสด มะเขือเทศ กระเทียม สะระแหน่ หรือช็อคโกแลต แต่หันมาเน้นอาหารกากใยสูงที่มีส่วนช่วยให้ระบบการย่อยทำงานได้ดีขึ้น เปลี่ยนชา กาแฟ น้ำอัดลมมาเป็นน้ำเปล่าแทน นอกจากนี้ ควรหมั่นสังเกตอาการแสบร้อนกลางทรวงอกของตนเองว่ามักเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารประเภทไหนบ่อย ๆ เพื่อเลี่ยงอาหารเหล่านั้นในครั้งต่อไป
ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
หากคุณเป็นอีกคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักจนเข้าขั้นอ้วน อาจทำให้อาการแสบร้อนกลางทรวงอกรุนแรงมากขึ้นเพราะจะยิ่งมีแรงดันภายในกระเพาะอาหารมากขึ้นจนดันให้กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหารได้ง่ายกว่าปกติ รวมไปถึงทำให้สารเคมีหรือฮอร์โมนไวต่อการถูกกระตุ้นจากกรด การลดน้ำหนักลงอาจช่วยบรรเทาอาการให้ดีมากขึ้น ลองหาเวลาการออกกำลังที่เหมาะสม และควบคุมอาหาร เพื่อเป็นทางออกที่ยั่งยืน แม้จะลดลงได้นิดหน่อยก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
CR-พบแพทย์ดอทคอม